เอทเทน (Ethane) คือน้องเล็กในกลุ่มของแอลเคน ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอนที่ไม่มีพันธะคู่หรือสามอยู่ ตัวมันเองประกอบด้วยอะตอมของคาร์บอน 2 อะตอม และอะตอมของไฮโดรเจน 6 อะตอม (C2H6) เอทเทนนั้นมีความหนาแน่นต่ำกว่าอากาศ ทำให้มันสามารถลอยตัวได้ และจุดเดือดและจุดหลอมเหลวของมันอยู่ที่ -89°C และ -183°C ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่าห้องเย็น
เอทเทนเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เนื่องจากมันถูกใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ethylene ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของพลาสติกหลายชนิด เช่น โพลีเอธิลีน (PE) และโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC)
คุณสมบัติพิเศษของเอทเทน
- ความสามารถในการเผาไหม้: เอทเทนสามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีออกซิเจนเพียงพอ ซึ่งทำให้มันเป็นเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างสะอาด
- จุดเดือดและจุดหลอมเหลวต่ำ: ข้อนี้ทำให้เอทเทนเหมาะสำหรับการขนส่งในรูปของก๊าซ และยังสามารถทำให้น้ำมันดิบมีความหนืดต่ำลงได้
การผลิตเอทเทน
เอทเทนส่วนใหญ่ถูกแยกออกมาจากก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของเอทเทน โดยทั่วไปแล้วจะผ่านกระบวนการ “fractional distillation” เพื่อแยกเอทเทนออกจากส่วนประกอบอื่นๆ ในก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนี้ เอทเทนยังสามารถผลิตได้จากการ “cracking” ของ naphtha (น้ำมันดิบที่กลั่นแล้ว) ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้ความร้อนสูงและตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อทำลายโมเลกุลของ naphtha และแปลงเป็นโมเลกุลขนาดเล็กขึ้น เช่น เอทเทน
แอพลิเคชันที่หลากหลายของเอทเทน
แอพลิเคชัน |
---|
การผลิต ethylene |
การผลิต ethane-based solvents |
การผลิต polyurethane foams |
การใช้เป็นเชื้อเพลิง |
เอทเทนถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย:
-
อุตสาหกรรมพลาสติก: เอทเทนเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ethylene ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของพลาสติกจำนวนมาก เช่น โพลีเอธิลีน (PE), โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) และโพลีสไตรีน (PS)
-
อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์: เอทเทนถูกใช้ในการผลิตสารเคมีภัณฑ์ต่างๆ เช่น ethane-based solvents, ethanol และ ethylene oxide ซึ่งมีการนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
-
อุตสาหกรรมพลังงาน: เอทเทนสามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงได้เนื่องจากมีความสามารถในการเผาไหม้สูงและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในปริมาณที่น้อยกว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลชนิดอื่น
กระบวนการ “cracking” ของ naphtha เพื่อผลิตเอทเทน
-
Feedstock Preparation: naphtha จะถูกให้ความร้อนเพื่อทำให้อยู่ในสภาวะของเหลว
-
Reactor: naphtha ที่มีความร้อนจะถูกป้อนเข้าไปใน reactor ซึ่งมีตัวเร่งปฏิกิริยาอยู่ ตัวเร่งปฏิกิริยาจะช่วยให้เกิดปฏิกิริยา cracking
-
Separation: ผลผลิตจาก reactor จะถูกแยกออกเป็นส่วนประกอบต่างๆ เช่น เอทเทน, 프로เพน และบิวเทน โดยใช้เทคนิค fractional distillation
-
Purification: เอทเทนที่ได้จะถูกทำให้บริสุทธิ์เพิ่มเติมเพื่อกำจัดสิ่งเจือปน
ข้อดีของการใช้เอทเทน
- ความอุดมสมบูรณ์: เอทเทนมักพบในก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างมีอยู่อย่าง 풍
- เชื้อเพลิงสะอาด: เอทเทนสามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่ในสภาวะที่มีออกซิเจนเพียงพอ ทำให้การปล่อยมลพิษลดลง
ข้อเสียของการใช้เอทเทน
- ความผันผวนของราคา: ราคาของเอทเทนอาจผันผวนเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนและความต้องการของตลาด
- ความเสี่ยงในการระเบิด: เอทเทนเป็นสารที่มีความไวต่อการระเบิด ดังนั้นการจัดเก็บและขนส่งจึงต้องทำอย่างระมัดระวัง
อนาคตของเอทเทน
เอทเทนมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงาน โดยคาดว่าความต้องการเอทเทนจะเพิ่มขึ้นในอนาคตเนื่องจากการเติบโตของประชากรและการพัฒนายังคงดำเนินต่อไป
ด้วยเหตุนี้ การวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตเอทเทนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สรุป
เอทเทนเป็นวัตถุดิบที่ขาดไม่ได้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงาน ด้วยคุณสมบัติพิเศษและการใช้งานที่หลากหลาย เอทเทนจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป